สำหรับโลกของโปรแกรมเมอร์นั้นมีแต่ 0 กับ 1 ผมเรียกมันว่า "ชีวิตดิจิตอล" ก็แล้วกัน มันเป็นชีวิตที่ไม่ค่อยซับซ้อนเลยจริงๆ แต่หลายๆคนก็มองว่าชีวิตพวกเรามันซับซ้อน ผมว่า "อาร์ตตัวแม่" ซับซ้อนกว่ากันเยอะ
มีใครบางคนกล่าวไว้ว่า "ชีวิตไม่ใช่การเดินทาง" ก็นั่นนะสิครับ จะเดินทางอะไรกันนักหนา หยุดพักบ้าง อยู่กับที่บ้าง "ชีวิตมันคือการเรียนรู้" การเดินทางก็เพื่อสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอต่างหาก
ชีวิตโปรแกรมเมอร์ล่ะคืออะไร? ทุกวันนี้ผมเริ่มหยุดการเรียนรู้ในโลกออนไลน์ลงแล้ว และหันมาศึกษาธรรมะ(ชาติ)กับชีวิตมากขึ้น พยายามใช้ชีวิตโดยปราศจากเมาส์และคีย์บอร์ด ให้ความสนใจกับใบไม้ต้นหญ้า แทนหน้าจอเรืองแสง ฟังเสียงนกกาขับร้องประสานเสียง แทนเสียงเคาะคีย์บอร์ดรัวๆที่ฟังไม่ได้ศัพท์
และชีวิตยังต้องการอะไรอีกนะ?
"เงิน" ไงล่ะ!? ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ถ้ามันจำเป็นจริงๆ เราก็ต้องขวนขวาย บอกกับตัวเองเสมอว่า "เราจะต้องอยู่รอดให้ได้ในสังคมของมนุษย์จริงๆ" ซึ่งมันต่างจากโลกออนไลน์ สังคมเสมือนที่สร้างดำรงอยู่แบบไม่ครบมิติ
ที่ผ่านมาได้อ่านหนังสือมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนของ คุณเมษ พิชญพล หรือ คุณภาณุมาศ ทองธนากุล เหลานี้ล้วนแล้วแต่มีเรื่องของกองทุนและการเล่นหุ้นเป็นสาระสำคัญ แต่บางทีก็มีปัจจัยหลายๆอย่างที่เป็นข้อจำกัดของมัน
เรามาเขย่านาฬิกาทรายชีวิตด้วยกันเถอะ อ้อ...ไม่สิ จริงๆแล้วมันถูกเขย่าและเริ่มจับเวลามาตั้งแต่เราเกิดแล้วล่ะ จริงๆแล้วเราไม่ควรรอช่วงเวลาที่คิดว่าจะลงมือทำอะไรสักอย่างนะ ควรจะตัดสินใจแล้วเริ่มทำมันเลย ถ้าอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ คือเม็ดทรายที่ไหลลงมาจากนาฬิกาทราย นั่นก็หมายความว่าทรายที่เหลืออยู่ในอีกด้านหนึ่งกำลังจะหมดไป!!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น