ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2015

"The Sixth Man” - เงามายา

วันนี้หลังจากที่เล่นบาสฯจริงจังเกินไปหน่อย ก็กลับมาคิดดูว่า “แรกเริ่มเดิมทีที่กลับมาจับบาสอีกครั้งหลังจากไม่ได้เล่นมาเป็น 10 ปี” นั้นเพราะอะไร? - เพื่อสุขภาพ - เพื่อพละกำลัง - เพื่อฝึกสมาธิ - เพื่อลดความอ้วน!! เหตุผลเหล่านี้ไม่ว่าจะข้อไหน ก็ไม่ได้นำไปสู่การเล่นอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะชัยชนะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง สำหรับชีวิตของเราซะทีเดียว!! “คุโรโกะ” ตัวละครที่เปิดโลกของบาสเกตบอลของผมให้กว้างขึ้น การที่เราไม่สามารถทำคะแนนได้ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ซะทีเดียว เผลอๆยังกลายเป็นอาวุธลับแบบคุโรโกะก็ได้ เพียงแต่ว่าเราต้องรู้ให้ได้ว่า “อะไรคือความสามารถที่ซ่อนเอาไว้ในตัวเราเอง” ผมเปล่าบอกนะว่าตัวเองเหมือนคุโรโกะ เพราะสมัยที่เล่นบาสฯโรงเรียน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเล่นยังไงให้เด่น เล่นยังไงให้ถูกตาโค้ช ได้เป็นแค่ทีมสำรองที่คอยซ้อมให้ทีมหลักเท่านั้นเอง แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น “แม้แต่ตัวเราเอง” เพราะช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ย่อมเกิดความเข้าใจที่แตกต่างกัน แม้ตอนเด็กๆ เราจะฉลาดพอที่จะรู้ทุกสิ่งอย่าง แต่เราไม่ได้รู้เกินผู้ใหญ่หรอกนะ จะเรียกมันว่าอะไรดี เพราะมีมิติในการเข้าใจที่แตกต่าง

ชีวิตแต่ละช่วง มันก็แค่ “Sine Wave”

ไม่ว่าจะปรับความถี่ไปยาวให้ระยะเวลายืดออกไปยาวแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องกลับมาเจอจุดสูงสุด และจุดต่ำสุดของลูกคลื่นอยู่ดี ชีวิตในแบบ Sine Wave ก็เป็นไปตามนั้น ใครความถี่สูงความเปลี่ยนแปลงในชีวิตก็สูงตาม ใครความถี่ต่ำหน่อยก็ยืดระยะการตกลงจุดต่ำสุดได้นานขึ้น ไม่ว่าชีวิตจะขึ้นไปอยู่จุดที่สูงที่สุดที่เป็นด้านบวกได้นานแค่ไหน สุดท้ายชีวิตก็จะวกกลับมาติดลบอยู่ดี แล้วจะทำอย่างไรได้บ้างล่ะ “สร้างแหล่งจ่ายไฟพร้อมเรกูเลเตอร์” ขึ้นมากรองลูกคลื่นสิครับ ก่อนอื่นเราก็ต้องเสริมสร้างธาตุไฟของตัวเองให้ดีๆ อย่าให้ธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายๆด้วย Power Supply เจ๋งๆ เอาเฉพาะด้านบวกแบบ FULL-WAVE RECTIFICATION จากนั้นก็รักษาระดับไว้ด้วย Regulator เต็มกำลังประสิทธิภาพสูงๆสักหน่อย แค่คิดก็ยากแล้วใช่มั้ยล่ะครับ!! นั่นอาจจะเพราะว่าเรายังอยู่ในจุดที่ปลอดภัย มันคือ SAFE ZONE ที่มีค่าจึงไม่อยากเอาไปเสี่ยงอะไรใดๆทั้งสิ้น “วันหนึ่งฉันจะออกจาก SAFE ZONE” นึกภาพบรรยากาศในหนัง Resident Evil ไว้เลยครับ ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยซอมบี้รอเหยื่ออันโอชะเข้ามาหา คือถ้าเราไม่แกร่งจริง ไม่รอดนะครับ แต่ด้วยความที่เราลงไปจุดต่ำสุดของ

ชีวิตจริงมัน "อะนาล็อก"

เพื่อนๆเคยเห็นนาฬิกาทรายไหมครับ? ในขนาดที่เท่ากัน รูปทรงเหมือนๆกัน ปริมาณทรายเท่ากัน แต่! ระยะเวลานับถอยหลังของแต่ละอันมันต่างกัน!! สำหรับโลกของโปรแกรมเมอร์นั้นมีแต่ 0 กับ 1 ผมเรียกมันว่า "ชีวิตดิจิตอล" ก็แล้วกัน มันเป็นชีวิตที่ไม่ค่อยซับซ้อนเลยจริงๆ แต่หลายๆคนก็มองว่าชีวิตพวกเรามันซับซ้อน ผมว่า "อาร์ตตัวแม่" ซับซ้อนกว่ากันเยอะ

ออกแบบระบบให้คะแนนการแข่งขันบาสเกตบอล

หลังจากเริ่มแข่งขันบาสเกตบอล ฟรีสไตล์ 3 ต่อ 3 ก็ได้พบว่าการนับคะแนนนั้น ไม่ว่าจะจดกระดาษ หรือพลิกสกอร์บอร์ดก็ตาม ไม่สามารถเก็บสถิติของผู้เล่นแต่ละคนในการแข่งขันแต่ละครั้งได้ ทำไมผมถึงคิดถึงเรื่องไร้สาระนี้ขึ้นมา (ผมเรียกว่าไร้สาระเพราะโปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการเขียนโค้ดเพื่อให้ได้เงินมา เรื่องที่ต้องเสียเวลาแต่ไม่ได้อะไรเลยเขาคงไม่ทำกัน ^^") ก็เพราะว่า ผมอยากสร้างแรงจูงใจให้กับน้องๆที่มาเล่นบาสเกตบอลด้วยกันทุกเย็น ให้เกิดความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง (เพราะช่วงหลังๆคนเริ่มเล่นน้อยลงไป ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะติดสอบช่วงกลางภาค)

โปรแกรมเมอร์จบใหม่ ทำไมหางานยากจัง?

ความรู้สึกของแอดมินอย่างผมต่อกระทู้ที่ได้อ่านนี้ ( http://pantip.com/topic/33721011 ) สำหรับเด็กจบใหม่ หรือคนที่ทักษะไม่แน่น อาจจะดูเหมือนยากลำบาก แต่จริงๆแล้วความสามารถใช้แค่ 50% ก็พอครับ ที่เหลืออยู่ที่ช่วงเวลาและโอกาส (อาจจะเรียกมันว่าโชคชะตาก็ได้ละมั้ง ^^)

ไม่ได้จบสายคอมพิวเตอร์มา ก็เขียนโปรแกรมได้!

เราเรียนเพื่ออะไร? หลายคนก็คงจะได้ยินคำตอบที่คล้ายๆกันกับผม "เพื่อได้ทำงานสบายๆ" ซึ่งนั่นคือความจริงแต่ไม่ทั้งหมด แต่ความจริงแท้แน่นอนที่ผมรับรู้ได้ในตอนนี้คือ การศึกษาขั้นพื้นฐานสอนให้เรา "คิดเลขเป็น" จะได้ไม่ถูกโกงตัวเลข "อ่านหนังสือเป็น" จะได้ไม่ถูกเอาเปรียบทางเอกสาร อุดมศึกษา มหาวิทยาลัย สอนอะไรเรา? "เรื่องราวอดีต ปัจจุบัน และอนาคต" "กระบวนการคิด ความน่าจะเป็น" "การค้นคว้าอิสระ งานวิจัย" เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่า "ปริญญา" การันตีว่าเรามีความรู้ในระดับมาตรฐาน ที่สามารถต่อยอดในสิ่งที่ตัวเราเองรักได้ นั่นหมายความว่า เราสามารถใช้ทักษะที่ร่ำเรียนมา เพื่อศึกษาสิ่งต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแหล่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต จากห้องสมุด จากสื่อสิ่งพิมพ์ ตลอดจนงานวิจัยต่างๆ ดังนั้นจริงๆแล้ว มันไม่สำคัญเลยว่าเราจะจบอะไรมา ถ้าเรารักที่จะทำมันจริงๆ และใส่ใจกับสิ่งๆนั้นอย่างหมดหัวใจ เชื่อเหอะ "เราทำมันสำเร็จได้แน่" แม้นไม่ง่าย แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้